Custom Search

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร/เที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกเดือน












อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

ทางเข้าตั้งอยู่นอกเมืองกำแพงเพชรไปประมาณ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายกำแพงเพชร - พรานกระต่าย แล้วเลี้ยวซ้ายตรงกิโลเมตรที่ 360

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรแบ่งออกเป็นโบราณสถานฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง ซึ่งใช้วัสดุก่อสร้างที่แตกต่างกัน ด้านตะวันออกของแม่น้ำปิงเป็นที่ตั้งเมืองกำแพงเพชร โบราณสถานจะสร้างด้วยศิลาแลงและมีขนาดใหญ่ ส่วนโบราณสถานฝั่งตะวันตกคือเมืองนครชุมก่อสร้างด้วยอิฐและมีขนาดเล็ก แต่รูปแบบศิลปะที่ปรากฏมีลักษณะร่วมสมัยระหว่างสุโขทัยและอยุธยา นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานนอกเมืองกำแพงเพชร หรือเขตอรัญญิก ซึ่งเป็นที่อยู่ของสงฆ์ที่มุ่งในการปฎิบัติวิปัสสนาธรรม อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ระยะทาง 2 กิโลเมตร

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรได้รับการประกาศให้เป็น "มรดกโลก" ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2534 ผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท สำหรับผู้ที่จะนำรถเข้าชมในบริเวณอุทยานจะต้องเสียค่าผ่านประตูคันละ 50 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 0 5571 1921, 0 5571 2528

สถานที่น่าสนใจภายในเขตอุทยานฯ

โบราณสถานฝั่งตะวันออกอยู่ในเขตกำแพงเมือง

วัดพระแก้ว ตั้งอยู่กลางเมืองกำแพงเพชร เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโบราณสถานมรดกโลกในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เป็นวัดที่สำคัญอยู่ติดกับบริเวณวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือวัดมหาธาตุกลางเมืองสุโขทัย ภายในบริเวณวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานที่ฐานมีสิงห์ล้อม เจดีย์ทรงกลมที่ฐานมีช้างรอบ วิหาร มณฑป อุโบสถ และเจดีย์ราย ทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลงเป็นแท่ง ๆ โดยรอบ

วัดพระธาตุ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของวัดพระแก้ว มีพระเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมเป็นประธาน ล้อมรอบด้วยระเบียงคดที่เชื่อมต่อกับวิหารด้านทิศตะวันออก ที่สองข้างวิหารมีเจดีย์รายอยู่ ข้างละ 1 องค์ มีกำแพงแก้วล้อมรอบ

สระมน เป็นสระรูปสี่เหลี่ยมกว้างประมาณ 16 เมตร รอบสระมีคันดินคูน้ำล้อมรอบ จากการขุดค้นที่บริเวณนี้พบเศษกระเบื้องมุงหลังคา เครื่องมือเครื่องใช้และเครื่องประดับ

ศาลพระอิศวร ตั้งอยู่ด้านหลังศาลจังหวัด สร้างในปี พ.ศ.2503 เป็นฐานวิหารที่ก่อด้วยศิลาแลง พบองค์พระอิศวรและพระอุมาเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งจารึกที่ฐานทำให้ทราบถึงสภาพของสังคม ในสมัยพระบรมราชาธิราช เมื่อปี พ.ศ. 2053

กำแพงเมืองกำแพงเพชร เป็นกำแพงชั้นเดียวสร้างเป็นเชิงเทินมี 2 ตอน ตอนล่างเป็นมูลดินสูงขึ้นไป 3-4 เมตร ตอนบนก่อด้วยศิลาแลงเป็นเชิงเทินมีใบเสมาและเจาะตรงใบเสมา ไว้สำหรับมองข้าศึก

โบราณสถานบริเวณนครชุมหรือฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง

วัดพระบรมธาตุ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนครชุม เป็นเจดีย์ที่เจ้าพระยาลิไทเสด็จมาสถาปนาและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ เมื่อ พ.ศ.1900 เดิมเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ 3 องค์ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ต่อมาพ่อค้าไม้ชาวกะเหรี่ยงได้ปฎิสังขรณ์เป็นเจดีย์แบบพม่าดังที่ปรากฏ เมื่อ 80-90 ปีมาแล้ว

วัดซุ้มกอ เป็นวัดขนาดเล็กอยู่ทางทิศใต้ของเมืองนครชุม เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ฐานแปดเหลี่ยม มีองค์ระฆังแบบลังกา วัดนี้เคยขุดพบพระเครื่อง "ซุ้มกอ" เป็นจำนวนมาก ด้านหน้าของเจดีย์ประธานมีวิหารเล็ก ๆ 1 หลัง

วัดพระบรมธาตุเจดียาราม มีเจดีย์แบบพม่า 1 องค์ สันนิษฐานว่าเดิมคงเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ อย่างศิลปะสุโขทัย แต่ปัจจุบันเป็นเจดีย์แบบพม่าเนื่องจากเศรษฐีพม่าผู้หนึ่งได้มาบูรณะเมื่อประมาณ 100 ปี มาแล้ว ในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์สมัยสุโขทัยและอยุธยามากมาย

กำแพงป้อมทุ่งเศรษฐี ตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน ก่อนถึงตัวเมืองกำแพงเพชรเล็กน้อย ลักษณะเป็นป้อมปราการที่ก่อด้วยศิลาแลง รูปสี่เหลี่ยมสูงประมาณ 6 เมตร มีประตูทางเข้าตรงกลางป้อม 4 ด้าน ด้านในของป้อมมีเชิงเทิน ตรงฐานป้อมใต้เชิงเทินเป็นห้องมีทางเดินติดต่อกันได้ ตรงมุมมีป้อมยื่นออก 4 มุม มีรูมองอยู่ติดกับพื้น แต่ด้านทิศเหนือถูกรื้อออกเสียด้านหนึ่ง

วัดเจดีย์กลางทุ่ง ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีขนส่งกำแพงเพชร เป็นวัดที่ตั้งอยู่นอกเมืองนครชุมทางทิศใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ก่อสร้างด้วยอิฐ มีวิหารและเจดีย์ทรงดอกบัวตูมเป็นเจดีย์ประธาน มีการจัดผังวัดแบบ อุทกสีมา คือใช้แนวคูน้ำโดยรอบเพื่อแสดงขอบเขตของวัด ซึ่งเป็นผังที่นิยมมากในสมัยสุโขทัย

วัดหนองพิกุล เป็นวัดสำคัญของเมืองนครชุม ส่วนหลังคาไม่ปรากฎให้เห็น แต่ผนังที่เหลืออยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อด้วยอิฐฉาบปูนมีลวดลายประดับ เป็นโบราณสถานที่ได้รับอิทธิพลจากลังกา

โบราณสถานนอกเมือง หรือเขตอรัญญิก

วัดพระนอน มีกำแพงศิลาแลงปักล้อมรอบวัดไว้ทั้ง 4 ด้าน ด้านหน้าวัดมีบ่อน้ำสี่เหลี่ยม มีห้องอาบน้ำและศาลาน้ำ ฐานและเสาเป็นศิลาแลงมีทางเท้าปูด้วยศิลาแลง มีโบสถ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า ด้านหลังเป็นวิหารพระนอน ก่อสร้างด้วยเสาศิลาแลงขนาดใหญ่ หลักฐานทางประติมากรรมที่พบคือ ใบเสมารูปเทพพนม พาลีกับทรพี สันนิษฐานว่าสลักขึ้นในสมัยอยุธยา

วัดพระสี่อิริยาบถ หรือวัดพระยืน วัดนี้มีบ่อน้ำและที่อาบน้ำอยู่หน้าวัดเช่นเดียวกับวัดพระนอน กำแพงเป็นศิลาแลงปักตั้งล้อม 4 ด้าน ด้านหน้าวัดมีวิหารขนาดใหญ่ยกฐานสูง 2 เมตร มีเสาลูกกรงเป็นศิลาแลงเหลี่ยมและมีทับหลังบนมุขหน้าวิหาร สิ่งสำคัญของวัดได้แก่ มณฑปจตุรมุข แต่ละทิศประดิษฐานพระพุทธรูป 4 ปาง คือ เดิน นั่ง ยืน นอน อยู่โดยรอบทั้ง 4 ทิศตามลำดับ ปัจจุบันเหลือเพียงพระยืนขนาดใหญ่ที่สวยงาม พระพักตร์เป็นลักษณะพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยแบบกำแพงเพชรคือ พระนลาฏกว้าง พระหนุเสี้ยม

วัดพระสิงห์ ถัดจากวัดพระสี่อิริยาบถไปทางทิศเหนือประมาณ 100 เมตร สันนิษฐานว่าใช้เวลาสร้างถึง 2 สมัย คือ สมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยา ผังรวมของวัดแบ่งเขตพุทธาวาสให้อยู่ในกลุ่มกลางล้อมรอบด้วยเขตสังฆาวาสหรือกุฏิสงฆ์ โดยมีพระเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมมีซุ้มทั้ง 4 ด้านเป็นประธาน ด้านหน้าเป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่ ยกฐานประทักษิณสูง บนฐานประทักษิณนี้ประดิษฐานพัทธสีมาไว้ทั้งแปดทิศ มุขด้านหน้าของฐานประทักษิณมีรูปสิงห์ รูปนาค ประดับ

วัดช้างรอบ เป็นวัดที่สร้างบนยอดเนิน มีพระเจดีย์ทรงลังกา ซึ่งยอดหักพังหมดแล้ว มีบันไดทางขึ้นทั้งสี่ด้าน ที่ชั้นฐานลานประทักษิณประดับด้วยช้างทรงเครื่องครึ่งตัว จำนวน 68 เชือก ระหว่างช้างแต่ละเชือกมีภาพปั้นรูปลายพรรณพฤกษาในพระพุทธศาสนา เช่น ต้นโพธิ์ และต้นสาละ เป็นต้น

วัดอาวาสใหญ่ มีเจดีย์แปดเหลี่ยมเป็นประธาน ด้านหน้าเป็นวิหารฐานสูงมีทางขึ้น 3 ด้าน มีเจดีย์รายรอบ ด้านหน้าสุดนอกเขตกำแพงแก้วมีบ่อน้ำใหญ่ เรียก

บ่อสามแสน เพราะน้ำในบ่อนี้ไม่เคยแห้ง

วัดช้าง เป็นวัดที่มีคูน้ำล้อมรอบ มีเจดีย์ทรงระฆังเป็นประธาน ฐานสี่เหลี่ยม มีช้างล้อมรอบ 16 เชือก มีเจดีย์รายวิหารจตุรมุข และกำแพงล้อมรอบ

เส้นทางเดินรถไฟฟ้านำชมอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

ปัจจุบันเปิดเส้นทางนำชมอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร นำชมบริเวณโดยรอบอุทยาน ชมวัดเก่า กำแพงเมืองเก่า การนำชมจะมีการบรรยายเป็นภาษาต่างๆ 4 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาฝรั่งเศส จุดผ่านที่สำคัญอีดจุดหนึ่งคือ พิพิธภัณฑ์เรือนไทยเฉลิมพระเกียรติ

การใช้บริการรถไฟฟ้านำชมอุทยานประวัติศาสตร์ สามารถติดต่อโดยตรงที่โทรศัพท์หมายเลข 0 5571 1044 ไม่เว้นวันหยุด ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะมาเป็นหมู่คณะ หรือมาส่วนตัว ค่าบริการ ถ้ามาเที่ยวเหมาคันๆละ 200 บาท ถ้าเป็นบุคคล ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ตลอดเส้นทาง



กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่/กำแพงเพชร







กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่

กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ เลื่องลือมรดกโลก

กำแพงเพชร

อยู่ทางภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย ทางทิศเหนือและทิศใต้ของจังหวัดเป็นที่ราบ ทางทิศตะวันตกเป็นภูเขาสลับซับซ้อนและเป็นต้นน้ำของลำธารต่าง ๆ เช่น คลองสวนหมาก คลองวังเจ้า คลองขลุง และคลองแขยง ซึ่งจะไหลลงสู่แม่น้ำปิง ที่เป็นแม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านกลางพื้นที่ของจังหวัดตั้งแต่เหนือสุดจนใต้สุด

กำแพงเพชรเป็นที่ตั้งของเมืองเก่าที่ปรากฎหลักฐานอยู่ในประวัติศาสตร์ไทยไม่น้อยกว่า 700 ปี เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัย มีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง และเป็นเมืองหน้าด่านทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ กำแพงเมืองและป้อมปราการจึงถูกสร้างอย่างแข็งแรงและยังเหลือร่องรอยอยู่จนปัจจุบัน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ก่อนมีเมืองกำแพงเพชรเคยมีเมืองเก่ามาก่อน 2 เมือง คือเมืองชากังราว ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำปิง และเมืองนครชุม อยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำปิง

กำแพงเพชร จึงเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์วัฒนธรรม และธรรมชาติป่าเขา น้ำตก อันงดงาม มีอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี 2534 และยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์ ทั้งป่าไม้ นก สัตว์ต่าง ๆ อาทิ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อุทยานแห่งชาติคลองลาน และอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามอีกด้วย

จังหวัดกำแพงเพชร อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 358 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 8,607.5 ตารางกิโลเมตร

การปกครอง

จังหวัดกำแพงเพชร แบ่งการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ คือ อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอคลองขลุง อำเภอคลองลาน อำเภอไทรงาม อำเภอขาณุวรลักษบุรี อำเภอพรานกระต่าย อำเภอลานกระบือ อำเภอปางศิลาทอง อำเภอทรายทองวัฒนา อำเภอบึงสามัคคี และอำเภอโกสัมพีนคร

อาณาเขต

ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอเมือง จังหวัดตาก และอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย

ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์

ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก อำเภอโพธิ์ทะเล และอำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร

ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก

หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ

ที่ว่าการอำเภอ โทร. 0 5571 1310

เทศบาลเมือง โทร. 0 5572 0409

ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 5570 5011, 0 5570 5070

โรงพยาบาลกำแพงเพชร โทร. 0 5571 1234, 0 5571 4223-5

สำนักงานจังหวัด โทร. 0 5570 5004-7

สถานีตำรวจภูธร โทร. 0 5571 1199, 0 5571 6868, 191

สถานีขนส่งจังหวัด โทร. 0 5579 9103

ศูนย์ประสานงานและรับแจ้งเหตุ สถานีตำรวจภูธร โทร. 0 5571 6868, 191

สถานีบริการรถไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โทร. 0 5571 7275


ศาลหลักเมืองกำแพงเพชร/ เที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกเดือน

ศาลหลักเมืองกำแพงเพชร

ตั้งอยู่บริเวณวัดพระแก้ว และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติฯ เมืองกำแพงเพชร เป็นเมืองที่มีนามอันเป็นมงคล ซึ่งหมายถึง ความมั่นคง ประดุจเป็นเมืองที่มีปรการทำด้วยเพชร ศาลหลักเมืองกำแพงเพชรจึงเป็นสิ่งที่พ้องกับความมั่นคง ไม่หวั่นไหว จึงเหมาะสำหรับขอพรเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อาชีพ ของหาย ของรัก ฯลฯ

การเดินทาง โดยรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ มาประมาณ 17 กิโลเมตร ถึงหนองเบนจะมีทางแยกซ้ายมือเข้าอำเภอลาดยาว จากนั้นใช้ทางหลวง 1072 ลาดยาว คลองลาน ระยะทาง 102 กิโลเมตร ถึงสี่แยกตลาดคลองลานตรงไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานฯ หรือจากตัวจังหวัดกำแพงเพชรใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถึงกิโลเมตรที่ 346 บ้านคลองแม่ลาย ใช้เส้นทางแยกขวาไปอำเภอคลองลาน ตามทางหลวง 1117 สายคลองลานอุ้มผาง ระยะทาง 46 กิโลเมตร ถึงสี่แยกตลาดคลองลาน แยกขวามือไปอุทยานฯ อีก 6 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอดสาย หรือนั่งรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งจังหวัด หรือรถสองแถวจากท่ารถถนนวิจิตร ใช้รถสายกำแพงเพชร-คลองลาน ลงที่สี่แยกตลาดคลองลานแล้วเหมารถสองแถวหรือมอเตอร์ไซด์ไปยังที่ทำการอุทยานฯ







วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง (บึงสาป)/เที่ยวทั่วไทยไปได้ทุกเดือน


บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง (บึงสาป)

ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 3 ตำบลลานดอกไม้ อำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืองไปตามถนนสายกำแพงเพชร-พรานกระต่าย(ทางหลวงหมายเลข 101) ประมาณ 13 กม. แยกซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 12 กม. มีลักษณะเป็นน้ำพุร้อนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ผุดขี้นมาจากใต้ดิน จำนวน 5 จุด มีความร้อนประมาณ 40-65 องศาเซลเซียส ซึ่งจากการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุขปรากฏว่าไม่มีสารปนเปื้อนและเชื้อโรค อันตรายเกินมาตรฐานแต่อย่างใด

ปัจจุบันบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง มีการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความสวยงามเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสุขภาพ และสำหรับพักผ่อน มีการจัดสถานที่สำหรับให้บริการอาบน้ำแร่ อ่างอาบน้ำร้อน อ่างแช่และนวดฝ่าเท้า และนวดแผนโบราณในบริเวณบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ด้วย

สอบถามเพิ่มเติมที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร โทร. 0 5570 1379









วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ บางแสน/เที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกเดือน


พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ บางแสน/ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล บางแสน มหาวิทยาลัยบูรพา

169 ถ.ลงหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี 20131

โทรศัพท์ : 0-3839-1671-3 แฟ็กซ์ : 0-3839-1674

ผมเชื่อว่าใครที่ผ่านชีวิตในวันเด็กมาต้องเคยไปเที่ยวสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์สัตวน้ำมาก่อนในตอนเด็ก เป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจมากเมื่อผมได้มาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำครั้งแรกในตอนเด็กๆได้เห็นปลาสวยๆ สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลรูปร่างแปลกๆ คะเนดูแล้วอาจจะเกือบ 20 ปีแล้วซินับแต่ครั้งที่ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ บางแสน จนถึงล่าสุดที่ไป

วันนี้ผมจะพาไปชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ บางแสน หรือถ้าจะเรียกชื่อเต็มก็คือ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ไม่มีอะไรมากครับแค่คิดถึงบรรยากาศแบบเด็กๆ สำหรับทริปนี้ผมขับรถไปเองเช่นเคย จากกรุงเทพฯใช้เส้นสุขุมวิทหรือมอเตอร์เวย์ก็ได้ แล้วมุ่งหน้าไปทางบางแสน พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจะอยู่ทางซ้ายมือ ก่อนถึงหาดบางแสน มีที่จอดรถเยอะมากครับ






ราคาบัตรเข้าชม

ชาวไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท, เด็ก 15 บาท, นิสิต นักศึกษา นักเรียน ในเครื่องแบบ 15 บาท

ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท, เด็ก 50 บาท

เมื่อบัตรพร้อมแล้วก็เข้าไปชมข้างในกันครับ เริ่มที่ชั้นล่างก่อน ชั้นล่างจะเป็นตู้ปลา โดยจำลองบรรยากาศให้เหมาะสมกับปลาชนิดนั้น มีปลาสวยงามอยู่หลายชนิดด้วยกัน เริ่มกันที่ตู้แรก อาจจะดูมืดๆไปหน่อยนะครับ ไม่อยากเปิดแฟลชให้แสงรบกวนปลา

สำหรับใครที่อยากดูการแสดงดำน้ำให้อาหารปลาตู้ใหญ่เข้าไปดูได้ตามเวลานี้ครับ

วันธรรมดา (อังคาร-ศุกร์) 14.30

วันหยุดราชการ 10.30 , 14.00















เบอร์ติดต่อ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ บางแสน) (038) 391671-3 ต่อ 184,126 ได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.



เที่ยวชม เรือหลวงจักรีนฤเบศร/เที่ยวทั่วไทย ไปได้ทุกเดือน

เที่ยวชม เรือหลวงจักรีนฤเบศร สัตหีบ แผนที่ท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ

สำหรับใครที่มาเที่ยวสัตหีบ หลังจากเล่นน้ำทะเลกันเต็มที่แล้ว ก็จะมาชมความยิ่งใหญ่ของเรือหลวงจักรีนฤเบศรกันต่อ ถ้ามาจากหาดนางรำเพียง 10 นาทีก็ถึง ท่าเรือน้ำลึกจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ บอกทหารที่ป้อมว่ามาชมเรือหลวงจักรีนฤเบศร ในยามปกติเรือหลวงสิมิลันจะจอดอยู่กับเรือหลวงจักรีนฤเบศร

สามารถขับรถเข้ามาที่ท่าเรือได้เลย มีที่จอดกว้างขวาง จอดรถเสร็จเดินไปอีกนิดเดียวก็เจอทางเข้าแล้ว

ข้อปฏิบัติการเยี่ยมชม ร.ล.จักรีนฤเบศร

1. ร.ล.จักรีนฤเบศร เปิดให้เยี่ยมชมระหว่างเวลา 09.00 น. – 17.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2. เรือรบเป็นสถานที่ราชการ โปรดแต่งกายสุภาพ และงดสูบบุหรี่
3. ห้ามนำกระเป๋าสัมภาระ กระเป๋าหรืออาหาร เครื่องดื่ม สัตว์เลี้ยง และกล้องวีดีโอขึ้นบนเรือ
4. ห้ามพกอาวุธ และวัตถุอันตรายขึ้นบนเรือโดยเด็ดขาด
5. ชาวต่างประเทศไม่อนุญาตให้เยี่ยมชมเรือ (Foreign visitors require permission from Royal Thai Navy)
6. การเยี่ยมชมเรือให้ใช้เส้นทางเยี่ยมชม เฉพาะบริเวณที่กำหนดเท่านั้น และโปรดปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
7. โปรดแสดงบัตรประจำตัวประชาชน/บัตรประจำตัวข้าราชการกับเจ้าหน้าที่
8. บุคคลซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตราย และไม่สามารถปฏิบัติตามข้อปฏิบัติดังกล่าวได้ เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เยี่ยมชมเรือ


















ประวัติความเป็นมา

เมื่อครั้งเกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ในอ่าวไทยบริเวณ จังหวัดชุมพรในปี พ.ศ.2532 กองทัพเรือ ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการหลักในการค้นหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ได้ใช้เรือและอากาศยาน ในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ ประสบภัย ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ฐานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติกลางอ่าวไทยและชาวประมงแต่มีขีดจำกัดในการปฏิบัติการ อันเนื่องจากเรือขนาดใหญ่ที่สุดที่กองทัพเรือมีอยู่ขณะนั้น ไม่สามารถทนสภาพทะเลเมื่อครั้งพายุไต้ฝุ่นเกย์ได้ ทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยกระทำได้ด้วยความยากลำบากและไม่ได้ผลตามที่กองทัพเรือต้องการ ประกอบกับภารกิจของกองทัพเรือในการปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทางทะเล ซึ่งในปัจจุบันเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย ได้ขยายออกไปถึง 200 ไมล์ทะเล

การมีเรือขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์ทันสมัยจะสามารถใช้ในการค้นหา และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลได้อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ ตลอดจนการมีเฮลิคอปเตอร์ประจำการบนเรือจะช่วยขยายพื้นที่ในการลาดตระเวน และระยะเวลาในการปฏิบัติการในทะเลได้เป็นเวลานานและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

กองทัพเรือจึงได้มีแนวความคิด ในการสร้างเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เพื่อให้สามารถบรรลุภารกิจตามความมุ่งหมาย และได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ ในการจัดหาเรือและการปฏิบัติภารกิจของเรือ จนกระทั่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ 17 มีนาคม 2535 อนุมัติให้กองทัพเรือว่าจ้างสร้างเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล จำนวน 1 ลำ จากบริษัทบาซาน ประเทศสเปน ในวงเงินประมาณ 7,100 ล้านบาท และกองทัพเรือได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างสร้างเรือเมื่อ 27 มีนาคม 2535







ภายในเรือจักรีนฤเบศรประกอบด้วยห้องต่างๆ ทั้งส่วนที่ใช้ปฏิบัติงาน และห้องพัก รวมกว่า 600 ห้อง โดยมีส่วนหลักๆ ดังนี้

สะพานเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานของเรือ

หอบังคับการบิน

ห้องควบคุมการจราจรทางอากาศ

ห้องอุตุนิยมวิทยา

ห้องควบคุมดาดฟ้าบิน

ห้องบรรยายสรุปการบิน

ห้องศูนย์ยุทธการ

ห้องครัว

โรงพยาบาล ขนาด 15 เตียง มีส่วนสำคัญคือห้องผ่าตัด ทันตกรรม และเอกซเรย์

การเข้าเยี่ยมชม

บุคคลทั่วไปสามารถติดต่อขอเยี่ยมชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรได้ โดยติดต่อแจ้งวันเวลา และจำนวนบุคคลในคณะที่จะมาเยี่ยมชม และส่งจดหมายไปถึงผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กองเรือยุทธการ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 20180 (วงเล็บมุมซอง เยี่ยมชมเรือ) หรือโทรศัพท์ 02 466 1180 ต่อ 065 - 1371 (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ของเรือ)



สินค้ารวม